ซัมซุง จึงผงาดมือถือโลก

ซัมซุง จึงผงาดมือถือโลก

ถึงตอนนี้ต้องบอกว่ามือถือ "ซัมซุง"ได้ผงาดขึ้นเป็นเจ้าตลาดมือถือเบอร์หนึ่งของโลก แทนที่ค่าย "โนเกีย" ไปเสียแล้วเพราะหลายปีก่อนหน้านี้แบรนด์ที่ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เลือกซื้อเป็นอันดับต้น ๆ คือ "โนเกีย" แต่ ณ วันนี้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่แปรผันไปอย่างสิ้นเชิง

โดยเฉพาะฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน และกลุ่มผู้สูงวัย จะเลือกมือถืออยู่ด้วยกัน 2 ยี่ห้อ นั่นก็คือ "ซัมซุง" และ "ไอโฟน" ต้องบอกว่าหลายปีก่อนหน้านี้ "ซัมซุง" จากค่ายเกาหลีในเรื่องของเทคโนโลยีเป็นแบรนด์รองเทียบชั้นโซนี่แห่งญี่ปุ่นไม่เห็นฝุ่นเลย แต่ช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "ซัมซุง" กลับผงาดล้ำหน้าธุรกิจค่ายโซนี่ และ โนเกีย ไปเลยก็ว่าได้

กลยุทธ์ทางการตลาดของ "ซัมซุง" โดยเฉพาะเรื่องของมือถือนั้น "ซัมซุง" ทุ่มงบวิจัยพัฒนา และผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่มือถือให้มีความทันสมัย กล้าที่จะเปลี่ยนรูปโฉมภาพลักษณ์ และที่สำคัญ "ซัมซุง" ได้ใช้งบประมาณกว่า 5 พันล้านบาทเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ให้กับทีมสโมสรฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษ คือ "เชลซี" ยิ่งทำให้แบรนด์ของซัมซุงเป็นที่รู้จักและตอกย้ำขึ้นไปอีก

ตอนนี้คู่แข่งที่สำคัญของ "ซัมซุง" คงไม่ใช่ใครนอกเหนือไปจาก "ไอโฟน" ของค่ายแอปเปิล อิ้งค์ เพราะสองค่ายนี้ผลัดกันรุกผลัดกันรับโดยเฉพาะการหาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ผงาด ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งโลก

ทั้งนี้สำนักงานข่าวต่างประเทศ รายงานว่า บริษัทวิจัยตลาดการ์ทเนอร์ของอังกฤษ เผยผลสำรวจด้านการสื่อสารโทรคมนาคม ล่าสุด ระบุว่า โทรศัพท์มือถือ ซัมซุง ของเกาหลีใต้แซง โนเกีย ของ ฟินแลนด์ ขึ้นอันดับ 1 บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดของโลก นาน 14 ปีติดต่อกัน

โดย ซัมซุง มียอดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลก 86.6 ล้านเครื่อง ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนโนเกีย ขายได้ประมาณ 83 ล้านเครื่อง และอันดับ 3 โทรศัพท์ ไอโฟน ของ บริษัทแอปเปิล สหรัฐฯ มียอดขายประมาณ 33 ล้านเครื่อง

ขณะที่บริษัทสแตรทจี แอนนาไลติก แห่งเมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ซัมซุง แซงหน้าโนเกียที่กำลังประสบปัญหา ขึ้นแท่นบริษัทที่มียอดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือมากที่สุดในโลก ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 โดยครองส่วนแบ่งยอดจำหน่าย 25 % ของตลาดโลก ส่วนโนเกียอยู่ที่ 22% และในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ โนเกีย ยังอยู่อันดับ 3 สำหรับยอดจำหน่ายสมาร์ทโฟน รองจาก ซัมซุง และ ไอโฟน ของแอปเปิล

7 สูตรสำเร็จขึ้นเบอร์ 1 โลก

เหตุผลหลักที่ "ซัมซุง" ผงาดมือถือขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกนั้น นักการตลาดในแวดวงอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่ ได้วิเคราะห์ให้ "ฐานเศรษฐกิจ" ฟังว่า สูตรสำเร็จของซัมซุงนั้นมีด้วยกัน 7 เรื่องหลัก

- เรื่องแรก คือ ซัมซุง มีสินค้าครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มระดับล่าง กลาง และ บน

- เรื่องที่ 2 คือ ซัมซุง จับมือกับกูเกิล พัฒนาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน

- เรื่องที่ 3 คือ ซัมซุง กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

- เรื่องที่ 4 "ซัมซุง" กล้าที่จะสร้างกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ขึ้น เช่น ซัมซุง กาแล็กซี่โน้ต

- เรื่องที่ 5 ซัมซุง เชื่อในเรื่องของการวิจัยและพัฒนา ด้วยการทุ่มงบประมาณในเรื่องนี้เป็นแสนๆ ล้านบาท

- เรื่องที่ 6 ซัมซุง เข้าใจตลาดในแต่ละพื้นที่ รวมไปถึงช่องทางการจัดจำหน่าย

- เรื่องสุดท้าย ซัมซุง เข้าใจตลาดในภูมิภาคเอเชีย

"แม้ โนเกีย ได้รับการยอมรับเรื่องแบรนด์แต่มีปัญหาเรื่องแพลตฟอร์ม (platform หรือ ระบบปฏิบัติการ) ขณะที่ แอปเปิล กลุ่มลูกค้ายอมรับในเรื่องของแบรนด์แต่ แอปเปิ้ล จับกลุ่มลูกค้าตลาดบน ขณะที่ ซัมซุง จับกลุ่มลูกค้าทุกเซ็กเมนต์"

คู่แข่งตัวจริงคือ "ไอโฟน"

ว่ากันว่าจุดเปลี่ยนที่สำคัญของ "ซัมซุง" อยู่ที่ "กาแล็กซี่ โน้ต" ที่มีการพัฒนาและผลักดันแอพเข้ามาเป็นจุดขายและสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับตัวโทรศัพท์มือถือ โดยนำเทคโนโลยีปากกาเขียนหน้าจอที่แม่นยำ จากบริษัท วาคอม จากประเทศญี่ปุ่นมาใช้ และยังพัฒนาแอพพิเศษที่รองรับการเขียนโน้ตได้เป็นอย่างดี

สำหรับคู่แข่งของ "ซัมซุง" คงหนีไม่พ้น "ไอโฟน" ของค่ายแอปเปิล เพราะเวลา "แอปเปิล" จะเปิดตลาด "ซัมซุง" มักจะเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่สกัด "ไอโฟน" ไว้ก่อน

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของ "ซัมซุง" รายได้สูงถึง 5.1พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นกำไรเกือบสองเท่าจากปีก่อน โดยรายได้จำนวนนี้ 70% มาจากยอดขายของมือถือและแท็บเลตตระกูลแกแล็กซี่ที่ออกมาตีตลาดตั้งแต่เซ็กเมนต์ล่าง ด้วยรุ่นกาแล็กซี่ วาย และแกแลกซี่ มินิไปจนถึงเซ็กเมนต์บนสุดของตลาดสมาร์ทโฟนที่มีกาแล็กซี่ เอส ทู และกาแล็กซี่ โน้ตเป็นหัวหอก

ขณะที่ยอดขายกาแล็กซี่ โน้ต มือถือกึ่งแท็บเลตขนาด 5 นิ้วที่หลาย ๆ คนวิเคราะห์ว่าคงขายไม่ได้นัก แต่สุดท้าย กาแล็กซี่ โน้ต กลับมียอดขายแบบถล่มทลายกว่า 10 ล้านเครื่องเลยทีเดียว นอกเหนือจากกาแล็กซี่ โน้ต ที่เปิดตลาดไปแล้ว "ซัมซุง" ได้เปิดตัว "กาแล็กซี่ เอส 3" ภายใต้แนวคิด "Everyone"s Olympic Games" ว่ากันว่ามียอดขายกว่า 10 ล้านเครื่องทั่วโลกในเวลาเพียง 2 เดือน และสิ้นสุดไตรมาส 3 จะกวาดยอดขายได้ถึง 19 ล้านเครื่องทั่วโลก

สำหรับยอดขายไตรมาส 2 ที่ผ่านมานั้นปรากฏว่า ซัมซุงเปิดขายโทรศัพท์มือถือทั่วโลก 93 ล้านเครื่อง แบ่งเป็นสมาร์ทโฟน 50.2 ล้านเครื่อง คิดเป็นกำไรสุทธิ 5.19 ล้านล้านวอน หรือ ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ผลพวงมาจากการทำตลาดสมาร์ทโฟนตระกูลกาแล็กซี่อย่าง "กาแล็กซี่ เอส 3"

ด้วยกลยุทธ์กล้าที่จะเสี่ยงทำให้ "ซัมซุง" ยักษ์ใหญ่จากแดนกิมจิ ผงาดในตลาดมือถือทั่วโลก เบียดแซง "โนเกีย" ที่ไม่สามารถรักษาแชมป์ได้ตลอดกาลเพราะขาดความต่อเนื่องเรื่องของแพลตฟอร์ม

บทความโดย : จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,768 23-25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ที่มา :

Comments

Post Comments